สมัครเพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีโพสต์ใหม่:สมัครรับข้อมูล

ประกาศเรื่องการตรวจจับการละเมิด API

2021-03-26

อ่านเมื่อ 6 นาทีก่อน
โพสต์นี้ยังแสดงเป็นภาษาEnglishและIndonesiaด้วย

API มีความสำคัญอย่างไม่น่าเชื่อ ตลอดช่วงทศวรรษ 2000 โดย API ถือเป็นแกนหลักของบริการเว็บยอดนิยม ซึ่งช่วยให้อินเทอร์เน็ตมีประโยชน์และเข้าถึงได้มากขึ้น ในช่วงทศวรรษ 2010 API มีบทบาทมากขึ้นในชีวิตของเรา ทำให้อุปกรณ์ส่วนบุคคลสามารถสื่อสารกับโลกดิจิทัลได้ กิจกรรมประจำวันหลาย ๆ กิจกรรมของเรา เช่น การใช้บริการเครือข่ายคมนาคมและซื้อกาแฟล้วนขึ้นอยู่กับรูปแบบการสื่อสารสมัยใหม่นี้ และในทุกวันนี้ เรากำลังเข้าสู่โลกหลังการระบาดใหญ่ที่ API จะมีความสำคัญมากกว่าที่เคย

น่าเสียดายที่เทคโนโลยีต่าง ๆ เติบโตขึ้น ดังนั้น พื้นที่ที่เปิดให้เกิดการละเมิดก็เติบโตขึ้นด้วย และ API ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน บริการเครือข่ายคมนาคมที่แข่งขันกันอาจมีการตรวจสอบค่าบริการของกันและกันผ่าน API ทำให้เกิดสงครามราคาและสิ้นเปลืองทรัพยากรดิจิทัล หรือนักดื่มกาแฟอาจใช้ API เพื่อรับส่วนลดกาแฟลาเต้ของตน บางบริษัทมี API นับพันรายการ ซึ่งรวมไปถึง API ที่ตนเองไม่เคยรู้จักเสียด้วยซ้ำ ซึ่ง Cloudflare สามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้

ในวันนี้ เรากำลังเปิดตัวการเข้าใช้งาน API Discovery และ API Abuse Detection ล่วงหน้า

ภูมิหลัง

ก่อนที่จะดำเนินการต่อไป สิ่งที่สำคัญคือเราควรอธิบาย_เหตุผล_ที่เราต้องการโซลูชันสำหรับ API นั่นก็ด้วยเครื่องมือรักษาความปลอดภัยแบบดั้งเดิม ซึ่งประกอบด้วยการจำกัดอัตราและการป้องกัน DDoS นั้นมีประโยชน์อย่างยิ่ง แต่วิธีการเหล่านี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อให้ทำงานได้ด้วยตัวเอง เราอาจให้กำหนดจำกัดของ API endpoint เฉพาะได้ แต่เราจะเลือกขีดจำกัดที่เหมาะสมได้อย่างไร งานนี้ทำได้ยากยิ่งหากต้องทำในสเกลขนาดใหญ่โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหา เนื่องจาก API อาจได้รับผลกระทบจากการโจมตีแบบกระจาย (ต่ำกว่าขีดจำกัด) หรืออาจมีปัญหาเมื่อต้องการรับส่งข้อมูลที่ถูกต้องเพิ่มมากขึ้น (เกินขีดจำกัด)

มีผู้แนะนำให้ทำการใช้งานตัว Bot Management บน API endpoint ซึ่งในหลาย ๆ กรณี วิธีนี้ได้ผลและเพิ่มระดับการป้องกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก API นั้นมีไว้สำหรับเบราว์เซอร์ (เป็นส่วนหนึ่งของเว็บแอปพลิเคชัน) แต่ Bot Management ได้รับการออกแบบมาเพื่อค้นหาตัวตีเนียนที่แฝงในหมู่ผู้ใช้งานที่เป็น_มนุษย์_ ซึ่งตัวตีเนียนนี้มักใช้ระบบอัตโนมัติ ในขณะที่มนุษย์มักใช้เบราว์เซอร์ ความแตกต่างจึงค่อนข้างชัดเจน แต่ API มีปัญหาที่แตกต่างออกไป เพราะ API เป็นแบบอัตโนมัติ ดังนั้น โซลูชันใดก็ตามจะต้องสามารถค้นหาบอทที่ไม่ดีท่ามกลาง_บอทอื่น ๆ_ เราจึงต้องแยกความแตกต่างระหว่างการรับส่งข้อมูลอัตโนมัติที่ดีและไม่ดีให้ชัดเจน

เพื่อแก้ปัญหาของ API เราต้องสร้างมาตรวัด_เจตนา_ — ที่แทบจะเหมือนกับการสัมภาษณ์แต่ละการร้องขอเพื่อกำหนดเป้าหมาย โดยเราต้องตอบคำถามต่อไปนี้ตามข้อมูลสถานการณ์แต่เพียงอย่างเดียว:

  • การร้องขอนี้ใช้ API ตามจุดประสงค์หรือไม่

  • การร้องขอนี้แสดงพฤติกรรมที่น่าสงสัยหรือไม่ ดัวยเหตุผลใด

ก็เช่นเดิม ในขณะที่เครื่องมืออย่างเช่นการจำกัดอัตราสามารถจัดการกับปัญหาไบนารี (เช่น "IP นี้มีการร้องขอเกิน 200 รายการหรือไม่") แต่ปัญหา API ต้องการผู้ตัดสินที่อิงตามอัตวิสัยมากกว่า ทำให้เราต้องตรวจสอบ_จุดประสงค์_ของ API และกำหนดข้อจำกัดที่สมเหตุสมผลตามสิ่งที่เราพบ อีกทั้งเรายังต้องค้นหาแหล่งความจริงพื้นฐานใหม่ ดังนั้น เมื่อเราสร้าง Bot Management เราจะสามารถยืนยันได้ว่าการร้องขอเป็นการร้องขอของมนุษย์หรือเป็นแบบอัตโนมัติด้วยการยื่นคำถามไปให้ ซึ่ง API ที่เกี่ยวข้องกับระบบอัตโนมัติย่อมไม่สามารถพิสูจน์ความถูกต้องด้วยการแก้ปัญหานั้นได้

หลังจากการแก้ไขปัญหานี้มานานหลายเดือน เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะให้ทุกท่านได้เห็นโซลูชันของเราเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น…

API Discovery

ผู้ใช้บางคนบอกเราว่าพวกเขาไม่สามารถติดตาม API ของตนเองได้ ก่อนที่เราจะพยายามปกป้อง endpoint เหล่านี้ เราต้องกำหนดรายละเอียดและทำความเข้าใจพื้นที่การโจมตี โดยเราเรียกสิ่งนี้ว่า "API Discovery"

กระบวนการค้นหาเริ่มต้นด้วยการสรุปให้ง่าย เว็บไซต์ขนาดใหญ่อาจมี API นับพัน แต่การเรียกใช้หลาย ๆ ครั้งก็ดูคล้ายคลึงกัน ลองดูเส้นทางสองเส้นทางต่อไปนี้:

  • api.example.com/login/237

  • api.example.com/login/415

ในตัวอย่างนี้ “237” และ “415” คือตัวระบุลูกค้า ทั้งสองเส้นทางมีจุดประสงค์เดียวกัน คือการอนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้บัญชี แต่ก็มีความแตกต่างกัน ดังนั้น เราจึงกำหนดเส้นทางใหม่และ_รวม_ให้เป็นเส้นทางนี้ทันที:

  • api.example.com/login/*

  • api.example.com/login/*

ให้สังเกตวิธีที่เราใช้ลบตัวระบุลูกค้า ระบบของเราสามารถตรวจจับส่วนที่ API เปลี่ยนแปลงไปได้ ทำให้เรารู้ว่าเส้นทางทั้งสองเป็นเส้นทางเดียวกัน ซึ่งเราสามารถทำสิ่งนี้ได้โดยการบันทึกจำนวนสมาชิกในเซ็ตของแต่ละจุดปลายทาง เช่น ในตอนแรกเราอาจพบว่ามีสตริงที่แตกต่างกันอยู่ 700 สตริงในตำแหน่งที่มีเครื่องหมายดอกจัน ซึ่ง “237” และ “415” เป็นเพียงสองความเป็นไปได้เหล่านั้น จากนั้นเราจึงใช้ unsupervised learning จัดการเพื่อเลือกขีดจำกัด (ในกรณีนี้ สมมุติว่า 30) เนื่องจากเราสังเกตเห็นรูปแบบเส้นทางนี้มากกว่า 30 รูปแบบ เราจึงทราบว่าตัวระบุลูกค้านั้นเป็น_ตัวแปร_แล้วจึงทำการยุบเส้นทาง กระบวนการนี้เรียกว่า "path normalization"

API Discovery เป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยมากมายที่จะมีต่อมาในภายหลัง แต่โดยแก่นแท้แล้ว เทคโนโลยีนี้เกี่ยวกับการสร้างแผนที่ API ที่เรียบง่ายและไว้วางใจได้ นี่คือตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณอาจพบเจอ:

ลองนึกภาพรายการนี้ขยายไปเป็นร้อย หรืออีกพันกว่า endpoint คุณจะเห็นภาพบางอย่างชัดเจน (หวังว่าจะมี endpoint สำหรับให้เข้าสู่ระบบ!) แต่คนอื่นอาจจะแปลกใจ การกำหนดรายละเอียดสุดท้ายจะช่วยระบุตัวแปรหรือโทเค็นที่แต่ละ endpoint ใช้อ้างอิง

login/<customer_identifier>
auth
account/<customer_identifier>
password_reset
logout

การตรวจจับการละเมิดตามปริมาณ

ในตอนนี้ เราทราบ API แล้ว เราจึงสามารถเริ่มค้นหาการละเมิดได้ วิธีแรกของเราจะจัดการกับความผิดปกติเชิงปริมาตร กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เราจะทำการคาดเดาแบบมีการศึกษาในเรื่อง_ความถี่_ที่แต่ละเส้นทางเข้าถึง และกำหนดขีดจำกัดบางอย่างเพื่อจัดการการละเมิด ซึ่งนี่เป็นรูปแบบหนึ่งของการจำกัดอัตราการที่ปรับเปลี่ยนได้

ลองพิจารณาเส้นทาง API /update-score สำหรับเว็บไซต์กีฬา คุณอาจเดาได้ว่าสิ่งนี้ใช้ทำอะไร สิ่งนี้มักจะเรียกข้อมูลคะแนนล่าสุดของการแข่งขัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นหลายครั้งต่อวินาที เราอาจปรับใช้ unsupervised learning จัดการแล้วตั้งค่าขีดจำกัดให้สูงสำหรับการใช้งานปกติ บางทีอาจจะถึง 150 การร้องขอต่อนาทีสำหรับ IP เฉพาะ ตัวแทนผู้ใช้ หรือตัวระบุ session อื่น ๆ

แต่เว็บไซต์กีฬาเดียวกันนั้นอาจกำหนดให้ผู้ใช้ต้องมีบัญชี ในกรณีนี้ อาจมี /reset-password API แยกต่างหากอยู่ในโดเมนเดียวกัน คงไม่มีแฟนกีฬาคนใดที่จะรีเซ็ตรหัสผ่านหลายครั้งเท่ากับการดูคะแนน ดังนั้นเส้นทางนี้จึงน่าจะใช้ขีดจำกัดที่ต่ำกว่า ความดีงามของ unsupervised learning (และรูปแบบการตรวจจับการละเมิดของเรา) คือ การที่เราศึกษารายละเอียดเว็บไซต์ของคุณ พัฒนาแนวฐานที่แยกจากกันสำหรับแต่ละ API และพยายามคาดการณ์เจตนาของการร้องขอที่เกิดขึ้น หากเราพบว่ามีการพยายามรีเซ็ตรหัสผ่านอย่างกะทันหัน 150 ครั้ง ระบบของเราจะสงสัยว่ามีการเข้ายึดบัญชีทันที

สิ่งสำคัญคือ เราต้องเข้าใจ_เหตุผล_ที่การรับส่งข้อมูลเปลี่ยนไปเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น เราไม่ควรบล็อกการรับส่งข้อมูลด้านกีฬาเมื่อมีการรับส่งข้อมูลสูงขึ้นเนื่องจากรอบชิงชนะเลิศ NBA แม้ว่าปลายทาง /update-score อาจพบการใช้งานสูงมากกว่าเดิมชั่วคราว แต่ Cloudflare จะรับรู้บริบทที่กว้างกว่านั้นแล้วเปลี่ยนขีดจำกัดที่เกี่ยวข้อง เพราะเราเพียงแค่ต้องการลดทอนกรณีที่มีผู้ใช้งานปลายทางในทางที่ผิดเท่านั้น

การตรวจจับการละเมิดโดยดูจากความต่อเนื่อง

ทีมงานของเรามักใช้แบบจำลอง Swiss Cheese เพื่อการรักษาความปลอดภัย แนวทางนี้ถูกใช้ในการดูแลสุขภาพ การรักษาความปลอดภัยทางกายภาพ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ มากมาย ซึ่งแนวคิดนี้เรียบง่ายมาก การป้องกันเลเยอร์ใด ๆ จะมีช่องโหว่อยู่บ้างสองสามช่อง แต่การวางแนวป้องกัน_ที่ไม่ซ้ำกัน_ (หรือแผ่นชีสหลาย ๆ แผ่น) ไว้ซ้อนกันจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยรวมได้

ในโลกของการรักษาความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต เราเรียกสิ่งนี้ว่า "การป้องกันในเชิงลึก" โดยเราจะใช้ชุดความปลอดภัยของ Cloudflare (เช่น DDoS) เพื่อป้องกัน API เป็นเลเยอร์แรก ในเลเยอร์ที่สองจะใช้การตรวจจับเชิงปริมาตร (ตามที่อธิบายไว้ด้านบน) ส่วนเลเยอร์ที่สามนั้นจะแตกต่างจากสิ่งที่เราเคยทำมาก่อนอย่างสิ้นเชิง นั่นคือการตรวจจับความผิดปกติ_ตามลำดับ_ ซึ่งเราคาดหวังว่าสิ่งนี้จะเปลี่ยนภาพรวมของ API ได้อย่างมาก

และนี่คือวิธีการทำงาน ตามปกติแล้ว เราจะเริ่มต้นด้วยการทำให้เส้นทางเป็นมาตรฐาน เพื่อค้นหาชุดของสถานะที่มีจำกัด ในการทดสอบหนึ่งครั้ง กระบวนการนี้จะลดสถานะจากราว 10,000 สถานะลงเหลือเพียง 60 สถานะ ซึ่งทำให้ปัญหาของ API นั้นง่ายขึ้นอย่างมาก จากนั้น เราจะใช้ Markov Chains เพื่อสร้างเมทริกซ์การเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นรายละเอียดของทุกสถานะและตำแหน่งที่มักจะไป จากนั้นเราจะปิดท้ายด้วยการกำหนดความน่าจะเป็นให้กับการเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้ง

แล้วผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร เราสามารถวาดภาพรวมการเคลื่อนไหวบนเว็บไซต์ได้ ซึ่งอาจประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้:

  1. การส่งการร้องขอไปที่ /login/*/enter

  2. การเปลี่ยนเส้นทางไปที่ /login/*/verify

  3. ปลายทางเปลี่ยนเส้นทางไปที่ /login-successful

ดูเหมือนว่าผู้ใช้ที่ถูกต้องพยายามเข้าสู่ระบบ เป็นอีกครั้งที่เราใช้ unsupervised learning เพื่อตรวจจับขั้นตอนเช่นนี้ แต่วิธีการของเราจะตรวจจับค่าที่ผิดปกติด้วยเช่นกัน ในกรณีนี้ เราพบว่า 1 → 2 → 3 เป็นขั้นตอนเชิงตรรกะ แต่ถ้ามีใครที่ข้ามไปที่ขั้นตอนที่ 3 โดยตรงล่ะ เราอาจตั้งค่าสถานการณ์ร้องขอนี้ว่าผิดปกติ

แนวทางที่อาศัย Markov Chains เป็นอย่างมากนี้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ ลองพิจารณาเพิ่มโหนดเดี่ยวลงในห่วงโซ่: แน่นอนว่าห่วงโซ่จะขยายเป็นเส้นตรง แต่ในเมทริกซ์มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งกำหนดความสัมพันธ์ของโหนดที่เป็นไปได้ทั้งหมดนั้น จะเป็นการขยายแบบทวีคูณ แต่เราพบว่าความสัมพันธ์เหล่านี้ส่วนใหญ่นั้นไม่มีอยู่ในการใช้งานจริง เพราะในทางปฏิบัติ ไม่มีใครดำเนินเส้นทางที่ซับซ้อน เช่น ออกจากระบบ → อัปโหลด → รับรองความถูกต้อง การเปลี่ยนแปลงทั่วไปที่อาจดูเหมือนการเข้าสู่ระบบ → อัปเดตผลคะแนน → ออกจากระบบนั้น คิดเป็นเพียง 2% ของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในการทดสอบของเรา เราสามารถจัดเก็บเมทริกซ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยละเว้นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้ใช้งานจริง

ซึ่งนั่นเป็นการสรุปภาพรวมของการตรวจจับความผิดปกติแบบต่อเนื่องของเรา เลเยอร์นี้คือเลเยอร์สุดท้ายในแบบจำลอง Swiss Cheese ของเรา ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับวิธีการเชิงปริมาตร นั่นคือการใช้แนวฐานที่เราจะอัปเดตเมื่อเวลาผ่านไป

การใช้งานอื่น ๆ

การตรวจจับการละเมิด API นั้นใช้งานได้หลากหลายอย่างน่าทึ่ง แม้ว่าเราจะสร้างเทคโนโลยีนี้ไว้สำหรับการใช้ API ทั่วไปก็ตาม แต่ก็มีบางกรณีการใช้งานที่ควรค่าแก่การเน้นย้ำให้ท่านทราบ

อย่างแรกคือ Bot Management สำหรับแอปบนโทรศัพท์มือถือ แม้ว่าโซลูชัน Bot Management ของเราจะทำงานได้ดีกับแอปจำนวนมาก แต่ API Abuse Detection ก็มีประสิทธิภาพมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด นั่นเป็นเพราะว่าอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือที่มักจะพึ่งพาการใช้งาน API แม้ว่าการร้องขอของ API จะเป็นไปตามเจตนาและการค่อย ๆ ใช้งานของผู้ใช้ที่เป็นมนุษย์ แต่แอปบนโทรศัพท์มือถือจะใช้ API endpoint ซึ่งอาจปรากฏให้เห็นเป็นระบบอัตโนมัติได้ แอปเหล่านี้ไม่ได้ให้อิสระในการนำทางแบบเดียวกับเว็บไซต์ แต่เราสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อประโยชน์ของเราได้: ผู้ใช้ที่ถูกต้องจะปฏิบัติตามลำดับที่คาดเดาได้ โดยอิงจากสถานะก่อนหน้า ซึ่งในขณะนี้เราสามารถตรวจสอบด้วย API Abuse Detection ได้แล้ว

บริษัทอื่น ๆ ได้พัฒนา SDK สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อรับทราบการละเมิด API แต่ SDK นั้นมีขนาดใหญ่ ผสานรวมได้ยาก และบางครั้งก็ไม่ได้ผล และวิธีการฝั่งไคลเอ็นต์เช่นนี้ยังเสี่ยงต่อการปลอมแปลงอีกด้วย เพราะจะเป็น Authentication ของซอฟต์แวร์ไคลเอนต์ แต่ไม่สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้นจริงได้ บุคคลใดก็ตามที่สามารถแยก Certificate ฝั่งไคลเอ็นต์ได้จะสามารถข้ามการป้องกัน Bot ได้ทันที เราเชื่อว่าเราสามารถรักษาความปลอดภัยแอปบนโทรศัพท์มือถือได้โดยไม่ต้องใช้ SDK ใด ๆ เพียงแค่ปรับใช้ API Abuse Detection บนอุปกรณ์เคลื่อนที่เท่านั้น

นอกจากนี้ API endpoint หลาย ๆ จุดมีการใช้งานหนาแน่น ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถระบุปริมาณการรับส่งข้อมูลของ API/บอทที่ "ดี" ได้ ซึ่งหมายความว่าแบบจำลองความปลอดภัยเชิงบวกอาจไม่ทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริษัทที่ทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีการหมุนเวียนตัวแทนผู้ใช้หรือไม่สามารถจับสัญญาณของตนเองได้ วิธีการของเราจะช่วยหลีกเลี่ยงเรื่องที่น่าปวดหัวนี้ได้อย่างสิ้นเชิง เราจะสร้างแผนที่ของ API endpoint โดยอัตโนมัติ สร้างแนวฐาน แล้วตรวจจับการละเมิด

การเข้าใช้งานก่อนวางจำหน่าย

คุณมีเว็บไซต์ที่ต้องการการตรวจจับการละเมิด API หรือไม่ คุณต้องการลองใช้ Bot Management รุ่นต่อไปสำหรับแอปบนโทรศัพท์มือถือของคุณหรือไม่ โปรดแจ้งให้เราทราบโดยติดต่อทีมบัญชีของคุณ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะนำแบบจำลองเหล่านี้มาใช้งานจริงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

เราปกป้องเครือข่ายของทั้งองค์กร โดยช่วยลูกค้าสร้างแอปพลิเคชันรองรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความรวดเร็วของการใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอินเทอร์เน็ต จัดการการโจมตีแบบ–DDoS ป้องปรามบรรดาแฮกเกอร์ และช่วยเหลือคุณตลอดเส้นทางสู่ Zero Trust

เข้าไปที่ 1.1.1.1 จากอุปกรณ์ใดก็ได้เพื่อลองใช้แอปฟรีของเราที่จะช่วยให้อินเทอร์เน็ตของคุณเร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น

หากต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภารกิจของเราเพื่อปรับปรุงการใช้งานอินเทอร์เน็ต เริ่มได้จากที่นี่ หากคุณกำลังมองหางานในสายงานใหม่ ลองดูตำแหน่งที่เราเปิดรับ
Security WeekความปลอดภัยAPIBotsMobile

ติดตามบน X

Ben Solomon|@bensol
Cloudflare|@cloudflare

โพสต์ที่เกี่ยวข้อง

14 พฤศจิกายน 2567 เวลา 14:00

What’s new in Cloudflare: Account Owned Tokens and Zaraz Automated Actions

Cloudflare customers can now create Account Owned Tokens , allowing more flexibility around access control for their Cloudflare services. Additionally, Zaraz Automation Actions streamlines event tracking and third-party tool integration. ...

08 ตุลาคม 2567 เวลา 13:00

Cloudflare acquires Kivera to add simple, preventive cloud security to Cloudflare One

The acquisition and integration of Kivera broadens the scope of Cloudflare’s SASE platform beyond just apps, incorporating increased cloud security through proactive configuration management of cloud services. ...